บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นพยายามยกระดับการพัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคมากมายที่ชะลอความก้าวหน้า
Honda Motor ประกาศแผนการเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้ถึง 15% ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2030 โดยตั้งเป้ายอดขายรถสองล้อไฟฟ้าให้ถึง 1 ล้านคันภายในปี 2026 และ 3.5 ล้านคันในปี 2030 พร้อมกับมุ่งเน้นไปที่การลดปริมาณก๊าซคาร์บอนทั่วโลก
ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีรถมอเตอร์ไฟฟ้าจำหน่ายอยู่แล้วแต่ส่วนใหญ่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร ขณะที่รถสองล้ออีวีเพื่อลูกค้ารายย่อยจะได้รับการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไปทั้งในภูมิภาคยุโรป ญี่ปุ่น และตลาดอื่น ๆ ในเอเชีย รวมถึงเมืองไทยด้วย
ขณะเดียวกัน Honda ยังตั้งเป้าหมายสูงสุดไว้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นจะต้องใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในช่วงกลางทศวรรษ 2040 หรืออีกราวกว่า 20 ปีข้างหน้า
Honda เป็นบริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยยอดขาย 17 ล้านคันจากยอดขายรวมทุกยี่ห้อ 50 ล้านคัน แต่สัดส่วนการทำตลาดรถสองล้อไฟฟ้าอยู่ที่เพียง 1.1% เท่านั้น
กระนั้น Honda เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นรายแรกที่หาญกล้าประกาศเลิกขายรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ดั้งเดิมและแทนที่ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าภายในปี 2040
Honda ระบุว่าเป้าหมายการเลิกขายเครื่องยนต์ดั้งเดิมในรถมอเตอร์ไซค์นั้นอาจช้ากว่ารถยนต์ เพราะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าและส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่กว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจึงไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนของบริษัทฯ
แต่ Honda จะนิ่งเฉยไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อทางการกรุงโตเกียวประกาศนโยบายห้ามใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่มีมลพิษวิ่งใจกลางเมืองหลวงของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป
โคเฮ ทาเคอุชิ รองประธานกรรมการ Honda ประกาศว่าจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนการลดปริมาณมลพิษ
“เราจะช่วยขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย ถึงแม้เราจะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายที่แตกต่างจากบริษัทรถยนต์ก็ตาม” ทาเคอุชิ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านคู่แข่งอย่าง Yamaha วางแผนเพิ่มยอดขายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้ถึง 20% ภายในปี 2035 และ 90% ภายในปี 2050
อุปสรรคของบริษัทมอเตอร์ไซค์
การพัฒนารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอาจฟังดูง่ายเพราะมีกลไกไม่มากเท่ารถยนต์ แต่การติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มระยะทางขับขี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากโครงสร้างตัวรถสองล้อมีขนาดเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับรถสี่ล้อ
อีกหนึ่งปัญหาที่เพิ่มเข้ามาเมื่อติดตั้งแบตเตอรี่คือน้ำหนักตัวรถที่มาก ยิ่งตัวหนักก็ยิ่งเคลื่อนที่ได้ไม่คล่องตัวและขับขี่ได้ระยะทางสั้นลงอีกต่างหาก
ต้นทุนเซลล์แบตเตอรี่ที่พุ่งสูงยังทำให้ต้นทุนการผลิตขยับแพงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งขัดแย้งต่อกลยุทธ์การทำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ที่ควรมีราคาเอื้อมถึงได้สำหรับคนส่วนใหญ่ การปรับราคาขึ้นตามต้นทุนจะส่งผลต่อยอดขายอย่างแน่นอน
การแก้ปัญหาเรื่องแบตเตอรี่อาจต้องมาจากการพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตทที่จะมีขนาดเล็กกว่า น้ำหนักเบากว่า และมีความหนาแน่นของพลังงานมากกว่าจึงช่วยให้โลดแล่นไปได้ไกลกว่าเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนดั้งเดิม
Honda กำลังซุ่มพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตทอย่างเข้มข้นเวลานี้ โดยไม่เพียงติดตั้งในรถยนต์ แต่เล็งใช้งานในรถมอเตอร์ไซค์ด้วยเช่นกัน
“เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคมากมายในการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่นวัตกรรมใหม่ และเตรียมใช้กับยานยนต์หลากหลายประเภทในอนาคต” ทาเคอุชิ กล่าวปิดท้าย “รถมอเตอร์ไซค์เป็นยานพาหนะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้คนในหลายประเทศ การกำหนดราคาที่สูงจะทำให้ขายไม่ได้ เราจำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีโดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ด้วย”
Source: เผยอุปสรรคพัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ความเหมือนที่แตกต่างกับรถยนต์อีวี
More Stories
Expert Guidance: Benefits of Consulting a Psychiatrist For Anxiety Disorders
M Casino for Beginners: Tips to Get Started
Ensuring Enhanced Safety: The Role of Crane Load Cells in Heavy Lifting