
หลาย ๆ คนเวลาซื้อรถอาจจะสงสัยว่ารหัส 2WD, 4WD หรือ AWD ที่ตามหลังรุ่นรถยนต์นั้นหมายถึงอะไร แต่สำหรับคนที่ขับรถเป็นประจำจะรู้อยู่แล้วว่ารหัสเหล่านี้คือ การขับเคลื่อนของล้อในรถรุ่นนั้น ๆ คำถามคือการขับเคลื่อนแต่ละล้อแตกต่างกันอย่างไร แล้วนอกจากฟีลลิ่งแล้วมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง มาหาคำตอบกันในบทความนี้
ขับสองหน้า ขับสองหลัง ขับสองเหมือนกันแต่ประโยชน์การใช้งานต่างกัน

ระบบขับเคลื่อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวลานี้ ที่รถส่วนใหญ่ในถนนมากกว่า 70 % เป็นระบบขับเคลื่อนสองล้อ โดยแบ่งเป็นสองระบบคือ

FWD (Front-Wheel Drive) หรือการขับเคลื่อนแบบสองล้อหน้า ระบบการขับเคลื่อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากการใช้ระบบและอุปกรณ์ที่น้อยชิ้น ทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลง โดยหลักการทำงานคือเครื่องยนต์จะส่งกำลังไปยังล้อหน้าทำให้รถเคลื่อนที่ไปนั่นเอง
สำหรับประโยชน์ของการขับเคลื่อนแบบสองล้อหน้านั้น มีหลายประการไม่ว่าจะเป็นห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากไม่ต้องวางเพลากลาง การยึดเกาะกับถนนที่ดี อีกทั้งยังมีการทรงตัวที่ดีอัตราเร่งที่เร็วดั่งใจ ซึ่งจุดสังเกตของรถที่ขับเคลื่อนประเภทนี้คือการที่ชิ้นส่วนหลาย ๆ ส่วนทำงานพร้อมกันทำให้อายุการใช้งานจะสั้นกว่าแบบล้อหลัง

RWD (Rear-Wheel Drive) คือการขับเคลื่อนด้วยสองล้อหลัง ที่หลักการทำงานจะเป็นการที่เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังชุดเกียร์ขนาดใหญ่และเพลากลาง ก่อนที่จะส่งไปยังเฟืองท้ายและแกนล้อเพื่อขับเคลื่อนตัวรถ
จุดเด่นของการขับเคลื่อนด้วยล้อหลังคือการที่รถสามารถบรรทุกน้ำหนักได้เยอะ ทนทานต่อการใช้งาน อีกทั้งระบบการส่งกำลังไปยังด้านหลัง ทำให้ห้องเครื่องมีขนาดใหญ่กว่าแบบขับหน้า โดยการขับเคลื่อนด้วยล้อหลังนั้นนิยมในรถยุโรป รถบรรทุก รวมไปถึงรถซูปเปอร์คาร์อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม :Mercedes-AMG C63S E Performance ล้มล้าง V8 ยกเลิกขับหลัง ใช้พลัง 4 สูบที่แรงสุดในโลก
อ่านเพิ่มเติม : พาชมคันจริง Toyota Innova EV Concept มอเตอร์ไฟฟ้าขับหน้า วิ่งได้ 300 กิโลเมตร จะผลิตจริงไหมนะ!!!
4WD ชื่อเดียวแต่ความหมายอาจจะไม่เหมือนกัน

4WD (4 Wheel Drive) แปลตรงตัวคือระบบการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ โดยระบบจะทำการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อต่าง ๆ ซึ่ง 4WD ของแต่ละแบรนด์อาจจะมีความหมายไม่เหมือนกัน ตามหลักการทำงานย่อย ๆ ดังต่อไปนี้
Part-Time 4 Wheel Drive โดยเมื่อขับเคลื่อนปกติระบบจะส่งกำลังผ่าน 2 ล้อ แต่หากเข้าสู่ถนนที่ขรุขระหรือมีดินโคลน คนขับสามารถเปิดการทำงานของระบบ 4 WD เพื่อให้รถสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างลื่นไหล โดยสามารถเปิดปิดได้ตลอดเวลาตามความเหมาะสมของสถานการณ์
Full-Time 4 Wheel Drive หลักการทำงานจะคล้าย ๆ กับ Part-Time แต่ความแตกต่างคือในระบบจะทำการปรับการทำงานของ 4 ล้ออัตโนมัติ ว่าเครื่องจะส่งกำลังไปยังล้อไหน เช่น เมื่อจอดแล้วต้องการออกตัว อัตราทดกำลังของล้อหน้าจะสูงกว่าล้อหลัง 90/10 หรือหากระบบพบว่าล้อของเราติดโคลนอยู่ก็จะส่งกำลังเครื่องไปยังล้ออื่น ๆ เพื่อให้รถเราสามารถเคลื่อนที่ได้เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม : Huazi Omega รถไฟฟ้าขับสี่ราคาไม่ถึงสามแสน เปิดตัวแล้วที่เมืองจีน
อ่านเพิ่มเติม : ถ้า 2023 Toyota C-HR มาหน้าตาแบบนี้ พร้อมไฮบริดขับสี่ จะน่าใช้ขึ้นหรือไม่
AWD กับ 4WD ต่างกันอย่างไร

หนึ่งในระบบที่สร้างความสับสนให้กับหลาย ๆ คนคือ AWD (All wheel drive) กับ 4WD แตกต่างกันอย่างไร คำตอบคือหลักการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้
AWD คือการที่ตัวรถจะส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ด้วยกำลังที่แตกต่างกัน โดยคำนวณผ่าน ECU ซึ่งจะเป็นเลือกเองว่าจะส่งกำลังขับไปที่ล้อไหนเป็นมากกว่ากัน ทำให้รถประเภทนี้เหมาะกับการขับขี่ทั้งในท้องถนนและทาง Off road

ในส่วนของ 4WD จะเป็นรถขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ นั้นเป็นอีกหนึ่งระบบที่จะมีในรถประเภท SUV หรือรถกระบะ โดยเมื่อมีการใช้ระบบนี้ ตัวรถจะมีการเปลี่ยนจากการขับ 2 ล้อเป็น 4 ล้อโดยอัตโนมัติ ทำให้รถสามารถเดินทางได้ดีในพื้นที่ธุรกันดาล เนื่องจากล้อต่าง ๆ มีกำลังส่งจากเครื่องยนต์เท่ากัน
แต่ในทางกลับกันหากนำเอาระบบการขับขี่แบบ 4WD ไปใช้ในท้องถนนทั่วไปจะทำให้มีโอกาสเกิดอาการโอเวอร์สเตียร์หรือการที่ล้อไม่เลี้ยวไปตามการส่งงาน นอกจากนี้การขับสี่ตลอดเวลายังเปลืองน้ำมันอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก CARSOME แพลตฟอร์มซื้อรถมือสองออนไลน์ครบวงจร ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Source: ขับสอง ขับสี่ นอกจากฟีลลิ่งในการขับแล้ว มีอะไรอย่างอื่นที่แตกต่างกันหรือไม่

More Stories
Optimizing Route Planning with Courier Software
Site Oficial Para Cassino Online At The Apostas No Brasil
Site Oficial Para Cassino Online At The Apostas No Brasil