Tesla Semi นั้นจะเรียกได้ว่าเป็นรถที่ใหญ่ที่สุดที่ Tesla (เทสล่า) วางขายก็คงจะไม่ผิดนัก รองลงมาก็จะเป็น Cybertruck ที่ยังไม่วางขาย
แต่จากการศึกษาพบว่า ด้วยความใหญ่นี้เองจะเป็นปัญหา เพราะต้องใช้กำลังไฟในการชาร์จที่เท่ากับการใช้ไฟของเมืองเล็ก ๆ ได้เลย
Tesla Semi นั้นสามารถขนน้ำหนักได้ 40 ตัน พร้อมระยะวิ่งที่ 800 กม.ต่อกรชาร์จ ทำให้แบตเตอรี่ต้องมีขนาดใหญ่, ราคาแพง และยากที่จะชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะต้องใช้พลังงานเท่ากับเมืองเล็ก ๆ
Bloomberg Law ได้อ้างอิงถึงการศึกษาจากบริษัทสาธารณูปโภค National Grid กล่าวว่าแท่นชาร์จส่วนใหญ่นั้นจะรองรับเพียงรถยนต์นั่งไฟฟ้าเท่านั้น หากเป็นแบบนี้ต่อไปจะทำให้ตัวตลาด ก้าวหน้าไปกว่าที่โครงสร้างการชาร์จจะรองรับไหว
และจากการศึกษา การที่จะสร้างเครือข่ายการชาร์จที่สามารถรองรับกำลังไฟได้มากกว่า 5 megawatt นั้นต้องใช้เวลามากกว่า 8 ปีและการลงทุนหลาย 10 ล้าน ด้วยการมาถึงของ Semi จะทำให้ความสามารถการชาร์จปัจจุบันล้าหลังแล้ว
Bloomberg Law ยืนยันว่าอันที่จริงการกินไฟที่มากนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่จะต้องมาจากพลังงานสะอาดเท่านั้น เพราะด้วยพลังงานลมและแสงอาทิตย์ที่เริ่มมีมากขึ้น ความต้องการในการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 15% เท่านั้นภายในปี 2040
อีกปัญหาหนึ่งก็คือการติดตั้งแท่นชาร์จในโรงงานหรือกระจายมันออกไปในจุดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ใช้เวลา จนลูค้าบางรายจำเป็นต้องยกเลิกการจองไปก่อนหลังพบว่าการติดตั้งแท่นชาร์จของตัวรถนั้นต้องใช้เวลาอีกปีกว่าถึงจะพร้อมใช้ ในขณะที่รถนั้นพร้อมให้ใช้งานแล้ว
อ่านเพิ่มเติม Tesla Semi พังกลางทางก่อนการส่งมอบลูกค้าไม่กี่สัปดาห์
อันที่จริงเทสล่าเองก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาว แต่หากจะใช้ Semi ในระยะทางสั้น ๆ ก็จะป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะทั้ง Daimler และ Volvo (วอลโว่) ที่ก็มีหัวลากไฟฟ้าระยะสั้นของตัวเองพร้อมใช้งานแล้ว ด้วยการใช้งานแบบไปรอบเดียวแล้วชาร์จทิ้งไว้
Source: ชาร์จหัวลากไฟฟ้า Tesla Semi หนึ่งครั้ง อาจต้องใช้กำลังไฟฟ้าเทียบเท่าเมืองเล็ก ๆ เลยก็เป็นได้
More Stories
Expert Guidance: Benefits of Consulting a Psychiatrist For Anxiety Disorders
M Casino for Beginners: Tips to Get Started
Ensuring Enhanced Safety: The Role of Crane Load Cells in Heavy Lifting