ต้องมีบ้างสักช่วงหนึ่งในชีวิต ที่เราอยากจะหันมาใช้รถยนต์นั่งสบาย ๆ อย่าง BMW 3 Series (บีเอ็มดับเบิ้ลยู 3 ซีรีส์) กัน แต่กลับเลือกไม่ถูกว่าจะเอารุ่นไหนดี
เพราะหาก 320d ดูจะมีออพชั่นน้อยไป ก็ยังมี 330Li และ 330e ที่มีของเล่นให้เพียบพร้อม และข้อดีที่ต่างกันไป
เราจะพาไปดูกันว่า 2 รุ่นนี้เขาแตกต่างกันอย่างไร แล้วรุ่นไหนจะเหมาะกับใครบ้าง
ราคาห่างกัน 1 แสนบาท
เทียบราคา | |
---|---|
รุ่น | ราคา (บาท) |
330e | 2,799,000 |
330Li | 2,899,000 |
อาจเป็นเรื่องแปลกที่ 330Li นั้นมีราคาแพงกว่า ทั้งที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน แต่ก็มีเหตุผลที่ว่า เป็นการนำเข้ามาจำหน่ายทั้งคัน ในขณะที่ 330e นั้นเป็นการประกอบในประเทศ จึงทำให้ได้ราคาที่ถูกกว่า
สายประหยัด หรือสายเดิม
มาดูหนึ่งในความแตกต่างหลักของทั้ง 2 รุ่น ก็คือเครื่องยนต์ เริ่มกันที่ 330Li กับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
และ 330e ที่เครื่องยนต์คล้ายกันคือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Twin Power Turbo กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร เสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 113 แรงม้า แรงบิด 265 นิวตันเมตร
ให้กำลังรวม 292 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 420 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic ขับเคลื่อนล้อหลัง
อ่านเพิ่มเติม 2023 BMW 3 Series ปรับภายในหรูหราคาดมาไทยสิ้นปี
พร้อมฟังก์ชั่น XtraBoost ช่วยในด้านอัตราเร่ง เพิ่มพละกำลังเสริมไปอีก 40 แรงม้า เป็นระยะเวลาประมาณ 10 วินาที
แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดความจุ 12.0 kWh ใต้เบาะหลัง วิ่งโหมด EV ขับเคลื่อนได้ 60 กิโลเมตร
ซึ่งก็ถือเป็น 2 เครื่องยนต์ที่ให้ความแตกต่างกันไป เพราะในด้านหนึ่ง 330Li ก็ยังสามารถให้ความสมูธในการขับขี่ได้แบบเพียว ๆ ไม่ต้องมีมอเตอร์ช่วย พร้อมความสมรรถนะ และความประหยัดที่ประมาณ 14-15 กม./ลิตร ที่ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่เลย
ในอีกด้านก็ยัง 330e ที่ให้ได้ทั้งความแรงและความประหยัดด้วยระยะวิ่งไฟฟ้า 60 กม. หากคิดว่าไป-กลับที่ทำงานก็ยังพอได้ถ้าไม่ได้ขับเร็ว เพราะเขาจำกัดความเร็วโหมดนี้ไว้ที่ 140 กม./ชม.เท่านั้น
แต่ในขณะเดียวกันหากแบตหมด ตัวรถก็จะทำการตัดไปเป็นระบบไฮบริดให้ กินน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 14-18 กม./ลิตร แต่ต้องยอมรับว่าอืดกว่า 330Li อยู่มาก อาจต้องใจเย็น ๆ กันหน่อยหากแบตหมด
ภายนอกเกือบไม่ต่าง
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก หากมองผิวเผินก็จะไม่ต่างกัน ความแตกต่างที่เห็นได้คือแม้ทั้งคู่จะเป็นชุดแต่ง M Sport เหมือนกัน แต่ 330e นั้นจะได้โลโก้ใหม่ฉลองครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ M, คาลิปเปอร์เบรกสีน้ำเงิน, และล้อลาย 5 ก้านใหม่ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางหน้า 225/40 หลัง 225/35 และยังมีไฟตัดหมอกมาให้ กับซันรูฟครึ่งบาน
ส่วน 330Li จะยังได้โลโก้แบบเก่าอยู่, ไม่มีคาลิปเปอร์เบรกและไฟตัดหมอกให้, และเป็นล้อขาด 18 นิ้วยาง 225/45 หน้า และ 225/40 หลัง เป็นแบบรันแฟลททั้ง 2 รุ่น สิ่งที่จะทำให้ดูหรูหรากว่าคือหลังคาพาโนรามาแบบเต็มบานที่จะช่วยเพิ่มความหรูหราได้
อีกหนึ่งสิ่งที่ชัดเจนคือความมิติตัวถัง ที่มีการแตกต่างกันในด้านของความยาว
เทียบมิติตัวถัง (มม.) | ||
---|---|---|
รุ่น | 330e | 330Li |
ยาว | 4,709 | 4,819 |
กว้าง | 1,827 | 1,827 |
สูง | 1,444 | 1,441 |
ระยะฐานล้อ | 2,851 | 2,961 |
น้ำหนัก | 1,740 | 1,640 |
มัดใจด้วยภายใน
ก็เนื่องจากว่า 330Li นั้นเป็นรุ่นฐานล้อยาว ที่จะเพิ่มระยะฐานล้อเข้ามาอีก 110 มม. ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังนั้นมีพื้นที่ในการเหยียดขาที่สบายมากกว่า
พร้อมการบุที่พิงหลังอีก 3 ซม. และเบาะนั่งอีก 2 ซม. ดังนั้นการนั่งทางไกลสบายกว่าอย่างเห็นได้ชัด และด้วยประตูหลังที่ยาวกว่า จึงทำให้การเข้า-ออกรถนั้นทำได้อย่างง่ายดาย
อ่านเพิ่มเติม ลูกค้ากำลังลองขับ 2022 BMW i3 ไฟกลับลุกไหม้ปริศนา
ส่วนความแตกต่างก็มีเพียงหยิบย่อย เพราะ 330Li จะมีการตกแต่งด้วยสีโทนดำ-น้ำตาลเบาะนั่งหนังแท้ Vernasca พร้อมฟังก์ชั่น Cruise Control แบบช่วยลดความเร็ว กล้องรอบคัน 360 องศาและระบบช่วยจอด
ส่วน 330e นั้นจะเป็นดำล้วนเบาะเป็นทรง M Sport จะมีปีกข้างที่หนากว่า รองรับสรีระในการขับขี่แบบสปอร์ตได้มากกว่าในการยัดโค้ง อัพเกรด Cruise Control เป็น Stop&Go แล้วด้วย แต่จะมีแค่กล้องมองหลังเท่านั้น
ระบบความปลอดภัย 330e ดีกว่า
ในด้านระบบความปลอดภัยยังออกจะคล้ายกัน โดย 330Li จะมี
- ถุงลม 6 ใบ
- เซนเซอร์รอบคัน
- กล้อง 360 องศา
- เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน
- ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง
- ระบบเตือนสถานะของยาง
- ระบบ Driving Assistant ประกอบด้วย
- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา
- ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และคนเดินถนนที่ความเร็วต่ำ
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ขณะถอยจอด
- ระบบเตือนป้ายจราจร
- ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant Plus
ซึ่งใน 330e ระบบ Driving Assistantจะมีการเพิ่มระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจรมาให้ด้วย
วัยรุ่นสายหรู และวัยรุ่นสายซิ่ง
ต้องบอกเลยว่าจากการได้ทดลองขับสั้น ๆ รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนแม้จะเป็น 3 Series เหมือนกัน นั่นคือ 330Li จะยังคงเป็นรถวัยรุ่นที่แฝงไปด้วยความสบายทั้งสำหรับคนขับและคนนั่ง ด้วยช่วงล่างที่แม้จะไม่ได้ดุดันเท่า แต่ก็มีความนุ่มสบายด้วยการเซทมาแบบ Comfort พร้อมล้อ 18 นิ้วกับยางที่หนากว่าให้ความเวียบสบายหู
เหมาะสำหรับคนที่ค่อนข้างรักสงบ ไม่เน้นขับขี่แบบหวือหวา แต่ก็ยังมีความสุขุมด้วยเครื่องยนต์ที่แม้สเปคจะไม่ได้แรงเท่า แต่ในการขับจริงนั้นไม่ได้ด้อยกว่าเลย
330e นั้นก็จะเป้นรถแบบวัยรุ่นแท้จริง ด้วยช่วงล่าง M Adative ที่มีความแข็งกว่า เหมาะกับคนที่ชอบความดิบจากล้อ 19 นิ้วยางบางที่มีอาการเสียงดังให้เห็นได้
เป็นรถที่อยากจะบอกกับเราว่า ขับไปได้เลยเรารับไหว และบอกเพื่อนร่วมถนนว่าอย่าจี้ตูดเดี๋ยวบูสต์มอเตอร์มา
สรุปได้ก็คือว่า หากคุณเป็นคนชอบความสบาย มีผู้โดยสารนั่งท้ายไม่ว่าจะทั้งเพื่อนหรือผู้ใหญ่พ่อตาแม่ยายทั้งหลาย และยังไม่หันไปหาเทคโนโลยี PHEV เพราะเดินทางบ่อยหรือไม่สะดวกชาร์จ คุณก็ต้องมอง BMW 330Li
แต่ถ้าคุณขับคนเดียว อาจมีเพื่อนร่วมทางนั่งบ้างด้านหน้า หรือด้านหลังเป็นระยะเวลาสั้น ๆ บ้านมีที่ชาร์จไว้ขับขี่ในเมือง ชอบความสนุกในการใช้ชีวิต BMW 330e นี่แหละคือคำตอบ
More Stories
Hellstar Streetwear: Gear Up to Stand Out
Turkey Visa Free Countries and Process
Allison Transmission for Off-Roading: Performance Insights and Upgrades